วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ใบงานที่ 4 รวมข้อสอบ O-Net พร้อมเฉลย

ข้อสอบภาษาอังกฤษ 51

 




เฉลยข้อสอบ

 




ข้อสอบสุขศึกษา 50

 



เฉลยข้อสอบ







ข้อสอบ สังคมศึกษา 53





เฉลยข้อสอบ








ข้อสอบภาษาไทย





เฉลยข้อสอบ






แหล่งอ้างอิง






ใบงานที่ 3 การสร้างบล็อกเกอร์


ใบงานที่ 2 บทความหรือสารคดี


นกฮัมมิ่งเบิร์ด (Bee Hummingbirds)  ตัวจิ๋ว

นกตัวเล็กที่สุดในโลกนี้ก็คือนกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง (bee hummingbird ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Mellisuga helenae) ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าเหรียญเพนนีเสียอีก แม้จะไม่ได้เป็นอะไรมากกว่ากล้ามเนื้อปีกที่มีขน แต่นกฮัมมิ่งเบิร์ดทั้ง 320 ชนิดแบกสมองที่ใหญ่มากเอาไว้กับตัว เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัวแล้ว สมองของมันมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์เราถึง 2 เท่า และอวัยวะนี้เองที่ช่วยให้มันทำหลายสิ่งหลายอย่างที่สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าทำไม่ได้






นกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง (Bee Hummingbirds)

ฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง เป็นนกประจำถิ่นที่พบได้เพียงที่ประเทศคิวบา บนเกาะ Isla de la Juventud เท่านั้น มีน้ำหนักตัวเพียง 1.8 กรัม มีความยาวเพียง 5 เซ็นติเมตร ซึ่งถือว่าเป็นนกที่ตัวเล็กที่สุดในโลก  ฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นนกที่มีความสามารถในการบินขึ้นลงในแนวดิ่ง เดินหน้าถอยหลัง และบินนิ่งในอากาศได้ นึกถึงเฮลิคอปเตอร์อาปาร์เช่เลยนะครับ หรือว่าเครื่องบินรบอย่างอาปาร์เช่เรียนแบบเจ้านกตัวน้อย  มันสามารถกระพรือปีกได้เร็วกว่า 80 ครั้ง/วินาที ซึ่งต้องใช้พลังงานมากมาย ลักษณะเด่นของฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง ตัวผู้คือ ขนสีเขียว ส่วนบริเวณหัวและคอเป็นสีแดงสด พวกมันกิน น้ำหวาน จากดอกไม้เป็นอาหารหลัก ฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง ตัวเมียจะสร้างรังขนาดเล็กด้วยเส้นใยจากพืช ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 1 นิ้วสำหรับวางไข่



นกฮัมมิ่งเบิร์ดมีสัมผัสเรื่องเวลาที่แม่นยำเหนือมนุษย์เรา นกฮัมมิ่งเบิร์ดรูฟัส (Rufous hummingbird ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Selasphorus rufus)ไม่เพียงแต่จดจำได้ว่าอาหารอยู่ที่ไหน แต่มันยังจำได้ว่า มันไปกินอาหารที่นั่นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันจะให้เวลาดอกไม้ต่างๆ มากพอที่จะผลิตเกสรขึ้นมาทดแทนก่อนที่จะบินกลับไปเยี่ยมเยือนดอกไม้เหล่านั้นอีกครั้ง นกฮัมมิ่งเบิร์ดยังเป็นหนึ่งในสัตว์เพียงหกกลุ่มที่เรียนรู้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยการใช้เสียง นอกเหนือไปจากการพึ่งพาสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว มนุษย์ วาฬ และค้างคาวใช้วิธีนี้เช่นกัน รวมไปถึงนกบางชนิดอย่างนกแก้ว นกขุนทอง ซึ่งเรียนรู้ด้วยการลอกเลียนแบบ โครงสร้างพิเศษที่อยู่ภายในกลีบสมองส่วนหน้าจะทำหน้าที่ควบคุมการเรียนรู้ที่จะส่งเสียงร้อง และทักษะนี้ดูเหมือนจะมีวิวัฒนาการอย่างเป็นอิสระต่อกันในนกทั้งสามกลุ่ม สำหรับนกฮัมมิ่งเบิร์ด การสื่อสารด้วยการส่งเสียงร้อยเกิดจากความต้องการที่จะรักษาอาณาเขตของมันเอง รูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้ต้องการพลังงานอย่างมาก ดังนั้น การขับไล่เพื่อนบ้านทั้งหลายให้อยู่ห่างจากแหล่งอาหารจึงสำคัญต่อความอยู่รอด และการส่งเสียงร้องก็เป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดี


นกฮัมมิ่งเบิร์ดรูฟัส (Rufous hummingbird)

ความสามารถเฉพาะตัวของมันในการดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้ในขณะที่ลอยตัวอยู่ในอากาศยังต้องอาศัยการปรับตัวของสมองเป็นพิเศษด้วย มันสามารถมองเห็นช่วงแสงของรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดียิ่งกว่านกชนิดอื่นๆ (บางทีอาจช่วยในเรื่องการจดจำดอกไม้) และสมองที่รับผิดชอบในเรื่องการปรับภาพให้คมชัดของมันยังมีขนาดใหญ่ด้วย แม้จะมีกระแสลมที่เกิดจากการกระพือปีกถึง 200 ครั้ง ต่อวินาทีก็ตาม นอกจากจะเฉลียวฉลาดแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัว นกฮัมมิ่งเบิร์ดนับว่าเป็นสัตว์ที่มีหัวใจขนาดใหญ่ที่สุดและมีอัตราการเผาผลาญพลังงานที่ดีที่สุด ในหนึ่งนาทีหัวใจของมันจะเต้นได้ถึง 1,200 ครั้ง และมันอาจหายใจเข้าได้ถึง 500 ครั้ง 

เทคนิคในการบินของมันใกล้เคียงกับผื้งมากกว่านกชนิดอื่นๆ หัวไหล่ที่มีลักษณะเป็นข้อต่อทรงกลมทำให้มันสามารถหมุนปีกได้ 180 องศาในทุกทิศทาง ในขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนปลายของปีกจะเคลื่อนที่ในแนวระนาบ ทำให้เกิดการกระพือปีกขึ้นๆ ลงๆ เหมือนนกเกือบทุกชนิด นั่นหมายความว่า มันลอยตัวขึ้นได้ในทั้งสองจังหวะ ซึ่งทำให้สามารถบินไปข้างหน้า บินถอยหลัง หรือบินกลับหัวก็ยังได้ ในแต่ละวันเพื่อให้สามารถบินได้อย่างนั้น อย่างน้อยมันต้องกินน้ำหวาน (เพื่อให้ได้พลังงาน) และแมลง(เพื่อให้ได้โปรตีน) ในปริมาณที่เท่ากับน้ำหนักตัว นั่นหมายถึงการไปเยี่ยมเยือนดอกไม้ถึง 1,500 ดอกโดยเฉลี่ย เนื่องจากการบินเช่นนี้ทำให้ร่างกายต้องขับน้ำออกมาในปริมาณมาก นกฮัมมิ่งเบิร์ด จึงปัสสาวะออกมาอย่างต่อเนื่อง

เท้าขนาดจิ๋วของมันไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่บนพื้น ดังนั้น มันจึงใช้เวลาร้อยละ 75 ของวันไปกับการเกาะอยู่บนกิ่งไม้เพื่อประหยัดพลังงาน ในตอนกลางคืน นกฮัมมิ่งเบิร์ดบางชนิดจะเข้าสู่ภาวะประหยัดพลังงาน ซึ่งอาจนับว่าเป็นการจำศีลชั่วคราว ในภาวะดังกล่าว การเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะลดลงอย่างฮวบฮาบและอุณหภูมิของร่างกายจะลดลงเกือบครึ่งหนึ่งด้วย
ขนของนกฮัมมิ่งเบิร์ดจะมีสองสีพื้นฐานคือ สีน้ำตาลแดงกับสีดำ แถบสีอันน่าอัศจรรย์ใจของมันที่เราเห็นเกิดจากเม็ดสีเมลามินและฟองอากาศเล็กๆ ภายใจขนที่สะท้อนแสง ซึ่งทำให้เกิดเป็นสีแวววาวเหมือนโลหะ แสงจะต้องส่องลงมาบนขนที่มีสีเหมือนรุ้งในมุมที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นจะเห็นแค่สี “ย้อม” ตุ่นๆ เท่านั้น


เกร็ดความรู้
- บีฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นนกที่น้ำหนักเบาที่สุดในโลก
- สีแดงและสีเหลืองดึงดูดฮัมมิ่งเบร์ด
- ฮัมมิ่งเบร์ดสามารถกระพือปีกได้นานถึง 20 ชั่วโมงโดยไม่หยุดบิน
* - เคยมีการบันทึกว่าฮัมมิ่งเบร์ดทำรังบนไม้หนีบผ้าได้
- ฮัมมิ่งเบิร์ดมีอัตราการเต้นของหัวใจอาจเร็วได้ถึง 1200 ครั้ง/นาที เร็วเป็นที่ 2 ของโลก(ที่ 1 เป็นหนูผีเอเชีย) อัตราการเต้นเฉลี่ยอยุ่ที่ 200/นาที
- ฮัมมิ่งเบิร์ดบินด้วยความเร็ว 15 เมตร/วินาที
-  ฮัมมิ่งเบิร์ดอดอาหารได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
- ศัตรูตามธรรมชาติของ ฮัมมิ่งเบิร์ด คือนกนักล่า กบ ปลา และแมงมุม 
-  ฮัมมิ่งเบิร์ดอยู่ในทวีปอเมริกาเท่านั้น
- 25-30% ของน้ำหนักตัวของ ฮัมมิ่งเบิร์ด เป็นกล้ามเนื้ออดที่ใช้ในการบิน
-  ฮัมมิ่งเบิร์ดสามารถเลียน้ำหวานจากดอกไม้ได้เร็วถึง 10-15 ครั้ง/วินาที
-  ฮัมมิ่งเบิร์ดย่อยซูโครสภายใน 20 นาที ได้พลังงานจากน้ำตาล 97 %
-  ฮัมมิ่งเบิร์ดใช้จะงอยปากและกรงเล็บเป็นอาวุธ